Saturday, May 22, 2010

จดหมายเปิดผนึกถึงกลุ่มคนเสื้อแดง

A group of people have worked to translate my words into Thai.  I'm told it was a "team effort involving lots of brilliant people" but the person who initiated the translation didn't identify them.  It gets across what I have been trying to say very well, and I hope that it can reach those it is intended for.


จดหมายเปิดผนึกถึงกลุ่มคนเสื้อแดง
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพวกคุณเพราะในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายครั้งที่ผมโกรธ บ่อยครั้งที่ผมผิดหวัง ฝันสลายและอึดอัดใจ แต่มีครั้งเดียวในห้วงเหตุการณ์อันน่าเจ็บปวดทั้งหมดนี้ที่ทำให้ผมน้ำตาไหล นั่นคือเมื่อแกนนำของคุณ คุณวีระ มุสิกพงศ์ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ และพูดเรื่องความฝัน ความผิดหวัง ความหวังที่ยังเหลืออยู่ของเขา
เมื่อควันจาง จะมีคนบอกคุณว่าพวกคุณถูกหลอก ถูกล่อลวง ถูกซื้อและถูกทรยศ ว่าคุณเป็นแค่เครื่องมือของพวกคนชั่วที่จริงๆ  แล้วไม่สนใจว่าคุณจะมีชะตากรรมยังไง ว่าคุณเป็นผู้ก่อการร้าย นักวางเพลิง พวกทำลายวัฒนธรรม พวกเกลียดเจ้า จะมีคนกล่าวว่าคุณทำลายภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาต่างชาติและขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่ร้ายที่สุดคือเขาจะบอกว่าคุณทุกคนเป็นพวกไม่รู้เรื่องราวที่ใช้สิทธิใช้เสียงทางการเมืองอย่างผิด ๆ เพราะคุณไม่เข้าใจประชาธิปไตย
ผมเกรงว่าคำพูดของคนเหล่านั้นเป็นจริงอยู่หลายกรณี การเกิดใหม่ชั่วข้ามคืนของประเทศเราที่คุณอยากเห็น กลายเป็นเพียงอรุณรุ่งอันจอมปลอม อาชญากรรมมากมายถูกก่อขึ้น และทั้งสองฝ่ายก็ซ่อนความจริงสำคัญหลายเรื่องไว้ใม่ให้อีกฝ่ายรู้
ถึงแม้เรื่องเหล่านี้จะเป็นจริงในหลายกรณี ผมก็อยากให้พวกคุณรู้ว่ามันไม่ได้ลบล้างความจริงข้ออื่น ความจริงที่ฝังอยู่ในใจคุณ เมื่อคุณก้าวออกมาร้องทุกข์ด้วยการประท้วงอย่างสันติ
ประตูที่ควรเปิดรับคุณเมื่อหลายปีก่อน เมื่อประเทศนี้ก้าวสู่ระบอบประชาธิปไตย เปิดออกช้าเกินไป การศึกษาที่คุณต้องใช้เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในสังคมอย่างเท่าเทียม ถูกปิดกั้นไว้นานเกินไป เสียงที่พวกคุณมีมาโดยตลอดนั้นก็ถูกพบช้าเกินไป และเพราะว่าถูกเก็บกักไว้นานเช่นนั้น เมื่อแสดงออกได้มันจึงทำลายสิ่งต่าง ๆ จนพินาศ และความพินาศร้ายแรงที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับห้างสรรพสินค้าและธนาคารไม่กี่แห่ง แต่เป็นความพินาศที่คุณก่อขึ้นกับตัวเอง
แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าเมื่อพูดถึงการปลดปล่อยจิตวิญญาณของมนุษย์ ประวัติศาสตร์อยู่ข้างคุณ หนทางสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์กว่านี้อาจจะยากลำบาก แต่ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้ คุณไม่ได้แพ้สงครามครั้งนี้ แต่ผมหวังว่าคุณจะได้เรียนรู้จากมัน คำถามคือไม่ใช่ว่าคุณจะชนะสงครามนี้ไหม แต่จะชนะอย่างไรต่างหาก จะด้วยความวุ่นวายและการนองเลือด หรือการเจรจาประนีประนอมอันยาวนานและเจ็บปวด ด้วยการพัฒนาทีละขั้นอันเป็นวิถีอารยะ
อาจยากที่คุณจะเชื่อ แต่หลายคนที่ถูกป้ายสีว่าเป็นศัตรู ล้วนมีความฝันสูงสุดร่วมกันกับคุณ ยกตัวอย่างเช่น ผมเชื่ออย่างจริงใจว่านายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์ เข้าใกล้ฝันเหล่านั้นในเชิงความคิดมากกว่าแกนนำจำนวนหนึ่งของคุณ หากเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถ้าเขามีกรอบความคิดเหมือนผู้นำเผด็จการทหารหลายคนที่เคยมีมาในอดีต ซากศพจากเหตุเมื่อสองสามวันก่อนคงมากมายเกินกว่าจะทำใจได้
ผมยังเชื่อว่าผู้นำหลาย ๆ คนของคุณ อย่างคุณวีระ มีความฝันและความหวังเช่นเดียวกับเหล่าคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของคุณ เพราะที่สุดแล้วมันเป็นฝันและหวังของคนไทยทุกคน ที่จะได้อยู่อย่างสันติ ไม่ต้องใช้ชีวิตดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างไร้จุดหมาย ได้มีโอกาสเหมือนคนอื่นที่จะบรรลุความฝันที่ตั้งใจเอาไว้และจะได้มีชีวิตที่สมบูรณ์
อาจเร็วเกินไปที่จะหวังเช่นนี้ เพราะความโกรธแค้นและไม่ไว้ใจของทั้งสองฝ่ายยังมีมากเกินไป ถ้าคุณวีระได้รับการพิพากษาว่ากระทำผิดจริง ก็ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม  เช่นเดียวกับคุณสุเทพ หากพบว่าเขาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบก็ต้องถูกตัดสินลงโทษเช่นเดียวกัน แต่คงงดงามยิ่งหากได้เห็นนักอุดมคติอย่างคุณวีระได้มีบทบาทในรัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์สักชุด การประนีประนอมเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในอิตาลีเมื่อหลายสิบปีก่อน และมันช่วยให้ประเทศนั้นพ้นจากปัญหาความขัดแย้งภายในที่อาจนำไปสู่หายนะ
คุณเปลี่ยนเมืองไทยไปแล้วชั่วนิรันดร์ ด้วยการได้ค้นพบและแสดงให้พี่น้องประชาชนของคุณเห็นว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะคิด พูด และทำ ผมขอสนับสนุนให้คุณก้าวต่อไป คิดต่อไป แต่คิดเพื่อตัวคุณเอง อย่าคิดสิ่งที่ผู้อื่นบอกให้คุณคิด พูดในสิ่งที่คุณคิด ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นบอกให้คุณพูด และทำด้วยสติเช่นเดียวกับด้วยหัวใจ เพื่อผลประโยชน์ของทุกคน แม้แต่คนซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกับคุณ
ในเวลานี้ คงมีคนไม่เท่าไรในกรุงเทพฯที่จะนึกขอบคุณในสิ่งที่คุณทำ แต่ผมอยากจะขอบคุณจริงๆ สิ่งที่คุณทำลงไปนั้นสำคัญมาก แม้อาจไม่ใช่เพราะเหตุผลที่คุณคิด และผมก็อยากอธิบายว่าทำไม
เวลาคุณตัดถนน บางครั้งคุณอาจไปเจอภูเขา เพื่อจะให้ผ่านไปได้ คุณอาจต้องหาทางอ้อมมันไป คุณอาจต้องขุดอุโมงค์ลอดหรือระเบิดทำลายภูเขาทั้งลูกเสีย
เมืองไทยได้มาถึงภูเขาลูกนั้นแล้ว เป็นเวลาอย่างน้อยสองทศวรรษที่ไม่มีใครยอมอ้อมมันไป ขุดอุโมงค์หรือระเบิดภูเขานั่นแม้แต่คนเดียว แต่ทุกคนก็รู้ว่าเราต้องผ่านมันไป ภูเขามันขวางทางเราอยู่ รัฐบาลบางรัฐบาลที่ผ่านมา ขโมยเงินของคุณไป สร้างบอลลูนสีทองงดงามขึ้นมา เพื่อพาคนบางกลุ่มข้ามภูเขาไป โดยไม่สนใจว่าที่เหลือจะถูกทิ้งไว้เลย รัฐบาลอื่น ๆ ก็เอาแต่พูด พูด พูด แต่ภูเขาก็ยังไม่ได้ไปไหน ก็แน่อยู่แล้วว่าคุณต้องหมดความอดทน

คุณไม่ได้ระเบิดภูเขานั่นทิ้ง แต่โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้ทุกคนทราบว่า ได้เวลาแล้วที่เราจะต้องก้าวไปข้างหน้า คนของคุณและเหล่าทหาร ต่างไม่ได้ทนทุกข์และตายเปล่า แม้ดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่ท่ามกลางความมืดและความวุ่นวาย วันนี้เราได้เข้าใกล้ประชาธิปไตยที่เต็มใบกว่าครั้งไหน ๆ ในยุคของรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลต่อ ๆ มา สักวันหนึ่งผู้คนจะตระหนักว่าคุณได้เปิดตาพวกเขา ว่าพวกคุณมีส่วนอย่างยิ่งในการร่วมสร้างจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ไทย สุดท้ายแล้วคนอื่น ๆ ในประเทศก็จะเข้าใจและยอมรับมัน หรือกระทั่งอ้าแขนเพื่อโอบรับมันไว้ เพราะการโอบกอดผู้ที่เราคิดว่าเป็นศัตรูนั้น แท้จริงแล้วก็คือการโอบรับตัวตนของเราเอง


61 comments:

  1. Oh good. Now I've got something to print out and show something I could never articulate in Thai.

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันคนเสื้อไม่มีสี และอยู่ไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนมาก เป็นคนหนึ่งซึ่งพยายามไม่ติดตามข่าว เพราะเข้าใจว่าเป็นการประท้วงอย่างไม่ชอบมาพากล เดี๋ยวก็จะต้องหยุดไปเอง สงบไปเอง เบื่อไปเอง แต่ระยะหลังมานี้ เห็นกลุ่มผู้ชุมนุม แยกแตกกันออกเป็นหลายฝ่าย หลายความคิด ทั้งบางกลุ่ม ก็เคียดแค้น ชิงชัง การกระทำต่างๆไม่ได้สื่อไปในทางสันติอีกต่อไป ดิฉันเป็นคนนึ่งซึ่งได้แยกกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีความตั้งใจจริง ออกจากกลุ่มผู้สร้างความเดือดร้อน ได้เห็นเพื่อน ญาติ มีความรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์ครั้งนี้ไปคนละทาง และต่างก็โกรธเกรี้ยวซึ่งกันและกัน ซึ่งมันก็เป็นกระบวนการหนึ่งของประชาธิปไตย แต่เหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เหล่านี้ เกิดจากการออกแบบและวางแผนอย่างมีระบบมาแล้ว ดิฉันคิดว่า ถึงอย่างไร ก็หลีกเลี่ยงได้ยาก ขอสนับสนุนให้เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยกับระบอบประชาธิปไตย มีได้อย่างสมบูรณ์จริงๆเสียที

    ReplyDelete
  3. ขออนุญาตเผยแพร่นะคะ

    ReplyDelete
  4. this letter is too polite. try speaking like a red leader, then possibly they will understand.

    ReplyDelete
  5. ขออนุญาตนำไปโพสให้เพื่อนๆใน fb ได้อ่านนะคะ ขอบพระคุณค่ะ

    ReplyDelete
  6. follow you? to what end? poor?
    being poor sucks! and not just money.
    poor in spirit and life. robbed if you will.
    of things. everything. that is how i feel.
    dont throw your heart out there it will just get
    trampled on. especially in politics and race.
    do what is fun without hurting others. how much life do you have left? so act fast! here's how to order.

    ReplyDelete
  7. ขอบคุณนะคะ หลังจากความเคียดแค้นและเสียใจผ่านไป ตื่นเช้าวันใหม่ดิฉันจึงคิดได้ และแปลกใจตัวเองที่มองเห็นความงามที่ผลิดอกงอกใบเล็กๆท่ามกลางซากปรักหักพัง จนอดไม่ได้ที่จะนึกขอบใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ามันทำให้เราหยุดและฉุกคิด ท่ามกลางความฟุ้งเฟ้อและฟูมฟาย เราต่างเหยียบหลังคนอื่นขึ้นไปยังจุดที่ดีกว่าชนิดใครดีใครได้ แทนที่จะช่วยกันจูงมือกันไปข้างหน้า ท่ามกลางกระแสทุนนิยมที่โหมกระหน่ำ คำสอนเรื่องความพอเพียงดูเหมือนจะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่วันนี้ ดิฉันเห็นผู้คนโยนเรื่องขุ่นข้องหมองใจออกไปไว้ให้พ้นทางแล้วก้าวออกมาช่วยปัดกวาดประเทศ เห็นอาสาสมัครหนุ่มสาวออกมาเช็ดถูรอยแปดเปื้อน บางคนชวนกันไปบริจาคสิ่งของแม้แต่โลหิต เห็นแล้วก็ยังอุ่นใจ เมืองไทยไม่แล้งไร้น้ำใจและคุณความดี คิดว่าถ้ามีคนดีมากๆ คนชั่วก็ไม่มีที่ยืน ก็เลยจะเริ่มที่ครอบครัวเพื่อนฝูง พี่น้องของตัวเองก่อน สอนให้รู้จักประชาธิปไตยและเคารพกฎหมาย สร้างระเบียบวินัย สร้างนิสัยแห่งความพอเพียง เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น มันไม่มีวันสายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ ดิฉันเชื่อเช่นนั้น

    ReplyDelete
  8. ขออนุญาตเอาไปเผยแพร่ในบล็อกนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ

    ReplyDelete
  9. I just want to tell you how much I have enjoyed reading your thoughtful essays on Thailand as you see it. Your wit, intelligence, and compassion show through. Such qualities are greatly needed in other political debates around the world. (For those of you who find these words offensive, I am not a relative, I am a retired American living in Thailand, and I admire clear, reasoned essays. I just wish other writers in the various other forums abounding on the internet could be so literate and enlightening) Oh, lest I forget . . . Keep up the good work!

    ReplyDelete
  10. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ
    แต่เสียดาย....ท่ีคนท่ีควรอ่านบางคนไม่ได้อ่าน....

    ReplyDelete
  11. เห็นด้วยกับเรื่องช่องว่าง and all the bullshitครับ แต่ทว่า
    มุมมองของท่านในตัวของนายวีระนี้ดูจะไร้เดียงสาไปหน่อยครับ ไม่คิดสักนิดเลยหรือว่ามันรับเงิน

    ReplyDelete
  12. ขอบพระคุณทั้งคุณสมเถาและกลุ่มผู้แปลจดหมายนี้ หวังว่าเราจะสามารถไปถึงอีกฟากของภูเขานี้ด้วยกัน

    ReplyDelete
  13. ผมไม่ได้อยากได้ประชาธิปไตยเต็มใบ
    ผมอยากอยู่ใต้ร่มบารมีเย็นชุ่มเย็นของในหลวง

    ถ้าคุณ บอกว่า เราเข้าใกล้ ประชาธิปไตย แล้ว
    ผมว่า เรากลับ จะห่างจาก คุณธรรม สำนึก ความดี ไกลออกไปทุกที

    เราต้องการเพียง ประชาชนคนไทย ธรรมดาๆ ที่มีแต่ ความรัก
    รักประเทศชาติ รักในหลวง รักครอบครัว

    คนเสื้อแดง เป็นเหยื่อครับ เป็นเครื่องมือทางการเมือง เค้าถูกชี้นำ
    อาจจะถูกของคนเสื้อแดง เพราะบ้านเมืองนี้ เต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม
    เหตุผลเริ่มต้นน่ะ ใช่ แต่วิธีการแก้ปัญหา ไม่ใช่การประท้วงด้วยความรุนแรง
    ไม่ใช่การไปแย่งอำนาจ ไปล้มอำนาจเดิมมา

    ยังมีวิธี อีกมากมาย ที่จะสู้ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา อย่างสันติ
    แต่ไม่ใช่ เพื่อสนองอารมณ์ ความโกรธแค้น ของตนเอง

    สิ่งที่คนไทยต้องร่วมกันทำต่อไปนี้ คือ การสร้างคุณธรรม
    สร้างความรักประเทศชาติ ให้อยู่ในใจของเราทุกคนให้ได้

    คุณธรรมเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากการให้ อภัย
    เริ่มต้น จากการ ขอโทษ แน่นอนเรื่องในอดีต เราแก้ไขไม่ได้
    แต่ถ้าจะเดินต่อไปด้วย กัน ก็ต้อง ลืมมันไปให้หมด แล้วให้อภัยกันเสีย
    ส่วนคนที่กระทำผิด ก็ต้องรับผิด ตามกฏหมายบ้านเมืองต่อไป

    ReplyDelete
  14. Many thanks for the letter, but I must say that its tone and intention is very different from your article in English. If you agree on this, I hope the contents of the Thai letter now stay in your mind and replace those reflected by your English article that contrary or inconsistent to them. If we are fortunate, I also hope all Thai think the same or in similar direction with this letter.

    ReplyDelete
  15. เขียนที่ปารีส
    ขอบคุณสำหรับข้อเขียนที่ถ่ายทอดความคิดความรู้สึก เห็นด้วยกับคำวิจารณ์ข้างต้นที่ว่า เสียดายคนที่ควรอ่านไม่ได้อ่าน หรือกล่าวให้ถูกต้องคือ คนที่ควรอ่านมักปฏิเสธไม่ยอมรับรู้
    โปรดรับคำขอบคุณและคำนิยมอีกครั้ง

    ReplyDelete
  16. รัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลที่ได้คะแนนจากการเลือกตั้งทั่วไป

    เมื่อปลายปี พ.ศ. 2550 มาเป็นที่ 2

    ที่ใช้วิธีการที่คนเป็นสุภาพบุรุษไม่ควรทำ

    นั่นคือกดดันและใช้ทุกวิถึทางที่ทำให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชน

    พ้นจากอำนาจให้ได้

    ทั้งๆที่พรรคพลังประชาชนนั้นเป็นพรรคการเมือง

    ที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมาเป็น ที่ 1

    จากการเลือกตั้ง ในปลายปี พ.ศ. 2550

    ---------------------------------------------------------------------------

    ReplyDelete
  17. คนที่มีคุณธรรมอันแท้จริงนั้น

    มักจะไม่กลัวประชาธิปไตย

    เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น


    ย่อมจะมีความโปร่งใสเหนือเผด็จการ

    ReplyDelete
  18. หากต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจ ซึ่งบางท่านอาจไม่ได้มีความรู้มากขนาด อ่านบทความนี้เข้าใจได้โดยง่าย อาจไม่มีประโยชน์นะครับ ไม่ได้ดูถูกนะครับผมปริญญาตรีอ่านแล้วยัง งง ๆ เลยครับ

    ReplyDelete
  19. "a team of brilliant people"????

    hah ahah

    My Isaan baannok wife could translate that letter into Thai wife one arm tied behind her back.

    Why do you hiso Thais always think you're so brilliant yet everything you touch turns to shit, including your own failing nation.

    I mean you guys can't even organise a proper election!!

    You've only had 78years to get it right!!!!!!

    ReplyDelete
  20. ขอบคุนสำหรับข้อความที่ทำให้เราๆ ท่านๆ และอีกหลายคนที่เป็นคนไทย กลับมาหยุด คิด ว่าในช่วงเวลาของวิกฤต ก็ยังมีคนให้โอกาสได้เสมอ..นี่ละคือคนไทย
    ขออนุญาตนำไปเผยแพร่นะคะ..ขอบคุนคะ

    ReplyDelete
  21. ดีมากมาย ขอบคุณค่ะ

    ReplyDelete
  22. ใช่ค่ะ เสียดายคนที่ควรอ่าน..ไม่ยอมอ่าน

    ขออนุญาติเก็บไว้ให้เพื่อนๆอ่านค่ะ

    ReplyDelete
  23. เห็นด้วยกับบทความคุณสมเถาครับ เป็นบทความที่ดี มองโลกในแง่ดีมาก และไม่ทำให้เกิดการเกลียดชังกัน ผมอ่านอันที่แปลเป็นไทยครับอ่านเหมือนอ่านวรรณกรรม แปลได้สละสลวย

    แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าเรากำลังเดินเข้าใกล้ประชาธิปไตยเข้าไปอีกนิด
    หรือหมุนวนในอ่างไม่รู้จบสิ้นเหมือนที่ผ่านๆมา ผมรู้สึกว่าขบวนการเสื้อแดงไม่ได้เกิดเพราะการแตกประทุกับปัญหาทางสังคมต่างๆที่พวกเขาเจอ แต่เกิดขึ้นด้วยนักการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ฝ่ายหนึ่งจัดตั้งมวลชลเพื่อชนกับขบวนการเสื้อเหลือง ประเด็นแท้ๆของการต่อสู้คราวนี้น่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของฝ่ายนักการเมือง ที่ได้อ้างเอาความไม่เป็นธรรมทั้งหลายเป็นเกราะกำบังเป้าหมายที่แท้จริง การเคลื่อนไหวจึงเป็นลักษณะทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะ และข้อเรียกร้องที่เป็นนามธรรมและเป็นไปไม่ได้ ผมฟังนักข่าวภาคสนามไปถามคุณลุงคุณป้าในม๊อบว่าท่านเหล่านี้ทำไมต้องมาชุมนุม คำตอบเช่นประชาธิปไตยจะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น แล้วที่ต้องมาไล่เพราะรัฐบาลนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ผมรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วประชาชนก็ยังเป็นเครื่องมือของนักการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์อยู่ดี

    อย่างไรก็ตามอยากให้คนไทยทุกสีได้อ่านบทความนี้ครับ และมีรัฐบาล นักการเมืองที่เข้าไปดูแลปัญหาต่างๆในสังคมอย่างแท้จริง

    ReplyDelete
  24. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  25. ขออนุญาตนำไปเผยแพร่นะครับ

    ReplyDelete
  26. ขออนูญาตแชร์ให้เพื่อน ๆ อ่านด้วยนะคะ

    ReplyDelete
  27. เอียนกับคำว่า "ประชาธิปไตย" ค่ะ
    ตราบใดที่ยังซื้อเสียงกันอย่างโจ๋งครึ่ม
    คนซื้อเสียงไม่เคยละอายใจ สังคมเอาโทษไม่ได้
    คนขายเสียงไม่เคยตระหนักรู้ ว่าได้ทำลายประชาธิปไตย ด้วยมือของตัวที่ยื่นไปรับเงินอย่างยินดี
    มีสักกี่คน ในกลุ่มคนเสื้อแดงที่โหมกระหน่ำทำลายประเทศแทบย่อยยับ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ที่มุ่งหวังอย่างบริสุทธิ์ ถึงประชาธิปไตยในฝัน

    ภาษาที่ใช้เขียนอาจจะสวย แต่คงต้องมองสังคมไทยอย่างที่เป็นอยู่จริงมากกว่านี้ค่ะ

    ReplyDelete
  28. Thank you so much. Sooner or later, I hope my friends would see in different view like this. Please don't mind if I share your writing in my fb.

    ReplyDelete
  29. May I shared to friends. Thank you kha.

    ReplyDelete
  30. ขอบคุณที่เขียนบทความดีๆ ให้อ่านคะ
    ยังหวังว่าฟ้าหลังฝนจะสวยงามเหมือนที่มันเคยเป็น

    ReplyDelete
  31. ขออนุญาตินำไป อ้างอิงที่มาเกี่ยวกับจดหมายเปิดผนึกนี้คะ
    ขอขอบคุณด้วยความเคารพ
    tangsrisakul

    http://www.youtube.com/watch?v=hOQll0tdA5s

    ReplyDelete
  32. มาเนียน มั่กๆ น่าจะได้ทมยันตีอวาร์ด ว้าว...

    ReplyDelete
  33. โวหาร ยืดยาว น้ำเน่าพรรณนา (ชอบใช้จังกับไอ้คำว่า ความฝัน ทนทุกข์ โอบรัด มันblank มากในเชิงความหมาย ผู้เขียนพยายามจะ dramatize ไปจนถึง Romanticize ราวกับนักเทศน์พยายามทำให้คนอ่านเปลี่ยนศาสนา)
    สรุปง่ายๆ คือ คุณกำลังบอกเป็นนัยๆว่า
    -อภิสิทธิ์ทำถูกต้องแล้วที่สลายการชุมนุม
    -แกนนำแดงเลวทราม(อันนี้ไม่มีความเห็น) และต้องรับผิดชอบ(อันนี้เห็นด้วย)
    -รบ.มาจากการเลือกตั้งอย่างทักษิณเป็นเผด็จการ ส่วนรบ.อามาตย์ไม่เผด็จการเลย(เอ่อแล้วปิดสื่อ เรียกคนไปราบ11 กลั่นแกล้งใช้อำนาจล้นฟ้า ยึดแหล่งเงินทุนของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม เล่นงานทุกคนทุกสิ่งที่เห็นตรงข้ามกับรบ. ฯลฯ อย่างนี้ไม่เผด็จการ???)
    -บลา บลา ๆๆ คุณสมเถาคุณคิดก่อนจะเขียนรึเปล่า
    **ถ้าแฟร์และมีใจที่เป็นปชต.พอก็กรุณาลงคำวิจารณ์

    ReplyDelete
  34. ขออนุญาตออกความเห็น ผมว่าคณะผู้แปลมุ่งมั่นที่จะแปลจากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทยแบบอังกฤษด้วยถ้อยคำที่สละสลวยเกินไป ซึ่งคงมีคนจำนวนไม่น้อย ที่อ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ถ้าหากคณะผู้แปลจะแปลจากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทยแบบไทย น่าจะอ่านได้เข้าใจง่ายกว่า ขนาดบางท่านบอก จบปริญญาตรียังอ่านแล้วงง ผมเองก็ต้องไปอ่านฉบับภาษาอังกฤษถึงเข้าใจว่าคุณสมเถาสื่ออะไร

    ReplyDelete
  35. Dear K. Somtow,

    Thank you very much for your constant stream of thoughtful articles. I agree with your observations and would like to add a few to your list. Besides social and political changes that you highlighted, I believe there has also been a fundamental change in mindset of our generation. The emphasis on "rights" now overshadows the concept of "duties and responsibilities". We talk about human rights, democratic rights, consumers' rights, etc. But rarely do we hear much discussion about our duties to ourselves and our community. I see this trend, not only in Thailand, but across the Western countries as well. In Thailand, every time discussion on duties takes place, it seems to be confused with nationalism and worship of the monarchy.

    Has the time come for us to instill a more balanced conscience on rights vs duties to our people and children? Has the time come for Thai people to grow up and take control over our own fate rather than hoping for the intervention from the power above, be it the military, the government or the monarch? Has the time come for Thai people to appreciate and live with plurialism and learn to debate and discuss their ideas rather than saying "yes" while disagreeing?

    ReplyDelete
  36. ด้วยรักและหวังในสันติแห่งโลก บนแผ่นดินที่ฉันถูกก่อกายขึ้น.....ชีวิตเติบโตและดำเนินตามวิถีธรรมชาติ.....แผ่นดินผืนนี้อบอุ่นและอารี หากแต่สังคมบนผืนดินผืนนี้ข้อนไปทางขื่นเข็ญ.....ชีวิตฉันดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้ขึ้นไปอยู่แถวหน้าของสังคม....การตะเกียดตะกายของฉันทำให้ฉันรู้สึกกระดากตัวเอง.....อาจเพราะฉันถูกสอนจนฝังหัวให้สงบเสงี่ยมเจียมตัวแต่ในขณะที่ฉันสงบเสงียมเจียมตัวอยู่นั้นสังคมบนแผ่นดินนี้ได้โบยตีฉันโวยข้อหา....ที่ว่าฉันใช้ชีวิตล้มเหลวเพราะเกียจคร้านรอแต่ให้คนอื่นปั้นข้าวมายัดปาก....ฉันเจ็บปวดแสนสาหัดกับการลงโทษครั้งนั้น
    ฉันจึงพยามศึกษาคัมภียุทธ์ต่างๆที่มีอยู่บนแผ่นดินผืนนี้เพื่อฝึกฝนนำมาต่อสู้กับการลงโทษที่ไร้ซึ่งความเป็นธรรม.....ฉันสู้และก็สู.......จนวันหนึ่งฉันพบปลายปีกแห่งเสรีที่ตรงเนินเขา......ฉันสวมมันแล้วฝึกบิน........เช้าจนค่ำ...วันแล้ววันเล่า.......ฉันเรียนรู้ในเสรีภาพแห่งปลายปีกนั้นบนแผ่นดินอันอบอุ่นและงดงามฉันพบมัน....ฉันพบมัน
    เสรีภาพ...เสรีภาพแห่งตัวตนของฉัน.....สังคมที่ขื่นเข็ญไม่อาจโบยตีฉันได้อีกต่อไป.....ฉันโอบกอดแผ่นดินผืนนี้ทั้งที่รู้ว่ามันกำลังจะลุกเป็นไฟเพราะการต่อสู้ของเพื่อนร่วมแผ่นดินเพื่อค้นหาอิสรภาพและเสรีภาพจากสังคมที่ขื่นเข็ญ.....และการปกครองที่ล้าหลัง ของแผ่นดินที่งดงาม
    ........ขอบคุณครับสำหรับพื้นที่ว่างตรงนี้สำหรับฉัน
    ........ด้วยรัก

    ReplyDelete
  37. บทความนี้อ่านแล้วทำให้ดูมีกำลังใจขึ้น
    ถึงแม้โทนจะต่างจากต้นฉบับภาษาอังกฤษพอสมควร

    ถ้าให้เลือก ก็คงจะเลือกเวอร์ชั่นภาษาไทย สำหรับคนไทยค่ะ
    เพราะมันดู positive กว่า และไม่ใช่การ slap in the face, and then pat on the back ...

    ReplyDelete
  38. ขอบคุณที่เขียนบทความดีๆๆนี้ให้อ่านค่ะ เพราะมันตรงกับความคิดเห็นที่อยู่ในใจเลยค่ะ อยากจะถ่ายทอดออกมาเหมือนกัน แต่ก็ทำไม่ได้ เคยคุยและแสดงความคิดเห็นคล้ายๆแบบนี้กับเพื่อน เพื่อนบอกปฏิเสธ อย่าได้มาคุยเรื่องนี้อีก รู้สึกเสียใจค่ะ และกลับมาคิดว่า ความคิดของตัวเอง คงจะไม่เหมือนคนอื่น เราคงเป็นคนแปลก และคิดว่าคงไม่มีคนอื่นคิดและสะท้อนความคิดเห็นเหมือนเราอีกแล้ว แต่ ณ วันนี้ดีใจมากค่ะ ที่ได้เข้ามาอ่านเจอบทความนี้ ขออนุญาต เผยแพร่นะคะ และชอบอีกหลายๆความคิดเห็นค่ะที่แสดงความคิดเห็นคล้ายๆกัน ขอให้เมืองไทยเราก้าวข้ามผ่านภูเขาลูกนั้นไปด้วยดีในวันข้างหน้าเร็วๆนะคะ สู้ๆๆ ค่ะ

    ReplyDelete
  39. ถ้าคนตายเป็นญาติคุณละ

    ReplyDelete
  40. เนื้อหาที่เขียนดีมากๆครับ แต่ก็ยังไม่วายมีคนที่เข้าไม่ถึงหลักและแก่นของประชาธิปไตย ยังเข้ามาพยายามตีความหาประโยชน์เข้าฝ่ายที่ตัวเองชอบ โดยไม่พยายามอ่านซ้ำๆ เพื่อทำความเข้าใจทั้งในมุมกว้าง แคบ ลึก ตื้น หรืออาจเป็นเพราะว่าเราถูกสั่งสม ความรู้สึกริษยา อิจฉา เมื่อเห็นคนที่เรารู้สึกไปเองว่าเค้าดีกว่าจนทำให้เรารู้สึก (ไปเองอีกเหมือนกัน) ว่าด้อยกว่า ทั้งๆที่จริงแล้ว เหตุและผลที่นำเสนอน่าส่งเสริม และน่าชื่นชมมากครับ ผมคนนึงที่ชอบแนวคิดที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงครับ เกลียดทุกสี และรักทุกสีครับ

    ReplyDelete
  41. You have a good article again. But your view point over "Veera" is far from the truth. He is not close to what you called him idealistic democracy at all. He is another crooked politicians that we have had throughout our democratic history. To go over the mountain, we have to make a big clean up in our parliament house. As 80% of them are really dirty and need to be replaced by a real decent MPs in any which way we can. Even the military coups which is seems to be the shortest way though.

    ReplyDelete
  42. ขอบคุณนะครับ

    ตามลิงค์มาอ่าน ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  43. ขออนุญาติส่งให้เืพื่อน ใน fb นะคะ

    ReplyDelete
  44. Thanks for this.
    It's raining and it seems the sky is crying.
    The lightning is piercing our hearts for forgiveness and understanding.
    it would have been even better if money and greed is no matter.
    Very positive thinking, heart & mind shown in this article.
    It makes me think of UTOPIA or Pra Sriaraya Era, so... we might have to wait for another 2,947 years!!!

    ReplyDelete
  45. ชอบตรงอุปมาอุปมัยเรื่องภูเขานะครับ

    เบื่อคนที่มาเม้นต์แบบไม่สร้างสรรค์จริงๆ สไตล์การเขียนของใครก็ของใคร ไม่เห็นต้องเม้นต์เล้ย แล้วฝรั่งเมียไทยนี่ก็...

    ReplyDelete
  46. แน่ใจหรือครับ ว่าทำให้เรายิ่งใกล้ วิธีการที่ผิด ละเมิดสิทธิผู้อื่น ยิ่งทำ มันยิ่งห่างออกไปมากกว่า..

    ReplyDelete
  47. ผมมีคำถามว่า
    ผมไม่เข้าใจอาจารย์ผม นักคิด นักเขียนบางคนที่เป็นเพื่อนผมที่มีแนวคิดในการล้มเจ้า
    ผมศึกษาว่าพวกเขาได้ฟัง ได้อ่าน รวมถึงคำบอกเล่าเรื่องราวในอดีต แล้วก็อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จนรับได้กับการกระทำที่ผิดศีลธรรม เช่น การเบี่ยงเบนคำพูด การขโมย หรือการได้เห็นการฆ่า ผมไม่เข้าใจ!!!! ช่วยอธิบายให้ผมหน่อย

    ReplyDelete
  48. ขอบคุณมากค่ะ

    ReplyDelete
  49. อ่านด้วยใจที่เปิดกว้างก็จะเข้าใจค่ะ อยากบอกว่าเขียนดีมาก ตอนนี้ทุกฝ่ายทุกคนในประเทศควรจะลืมหูลืมตาให้มากๆ แล้วก้าวต่อไปด้วยความปรองดอง แค่ไม่อยากให้ประเทศของเราต้องเป็นเหมือนเกาหลีก็เท่านั้นเอง..

    ReplyDelete
  50. >My Isaan baannok wife could translate that >letter into Thai wife one arm tied behind her >back.

    It is hard to believe anyone other than a monolingual would say this. Some people really have no idea how languages work. It just shows the difficulties people who attempt to bridge divides between language, class, and culture face everyday.

    As someone who can't read Thai, I can only hope the comments in Thai are more illuminating than this one. Anyone willing to sum up any of them in English for those of us who are not one of the chosen 12 non Thai's who understand Thai ;)

    (Sorry, nothing personal -- just a little good natured humor, K. Somtow!)

    ReplyDelete
  51. บางสื่งถูกใจ แต่ไม่ถูกต้อง และ บางสิ่งถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจ คนไทยแท้ๆ ก็คงจะเข้าใจ

    ReplyDelete
  52. เป็นบทความที่ดีแต่ส่วนตัวก็เห็นว่าเป็นไปได้ยาก.....ก มากๆเพราะที่เมืองไทยไม่ค่อยสอนให้คนคิดเองได้อย่างมีเหตุผล แต่สอนให้เลียนแบบความคิดคนอื่นตามๆกันไปมากกว่า หากตราบใดประเทศไทยยังมีคนที่สามารถซื้อได้ด้วยเงินอยู่มากมายเราก็คงห่างไกลกับคำว่าประชาธิปไตยอยู่อีกไกลใช่ไหมคะ แต่ก็ขออนุญาตนำไปโพสให้เพื่อนๆได้อ่านนะคะเพื่อความหวังเล็กๆค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ReplyDelete
  53. ผู้เขียนบทความเขาอยากบอกว่าในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดเรายังสามารถพบสิ่งดีๆที่ซ่อนอยู่เพียงแค่เราเปิดใจมองหามัน แต่เสียคายนะที่คนบางคนก็ยังใจมืดบอดอยู่ถึงมีการศึกษาแต่ก็มีใจที่ปิดกั้นและคนพวกนี้แหละที่นำพาคนเสื้อแดงที่บริสุทธิ์ทำในสิ่งที่ผิดมหันต์

    ReplyDelete
  54. ถ้านี่เป็น Academy Fantasia ... ผมจะส่ง sms โหวตให้คุณสมเถาสัก 1000 ครั้งครับ

    :D

    ReplyDelete
  55. คำว่า "ภูเขา" ในบทความนี้ หมายถึงอะไรครับ

    ReplyDelete
  56. เขียนได้ย่ำแย่มาก เยิ่นเย้อ พิรี้พิไร เขียนตั้งเยอะ สรุปใจความได้แค่ว่า เสื้อแดงได้รับการนำที่ผิด ไม่มีหลักการและหลักฐานใด ๆ สนับสนุน เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนล้วน ๆ ผมไม่แปลกใจหากบทความนี้จะตรงจริตคนที่ขอบอะไรเปลือก ๆ ขอทำนายว่า คนที่ขอบบทความนี้ ชอบดูหนังพระเอกหล่อ นางเอกสวย ดูละครหลังข่าว

    ReplyDelete
  57. ได้ดูทีวีที่ออกมาคุยพร้อมกับนักข่าวเดนมาร์ก เลยหาบทความมาอ่านว่าวิพากษ์ไว้อย่างไรบ้าง
    อ่านไปทำความเข้าใจไป ให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งอ่านวรรณกรรมคลาสสิคฝรั่ง(คือทำความเข้าใจยาก คล้ายเพลงคลาสสิคที่เค้าล้อว่าต้องปีนกระไดฟัง อันนี้ปีนกระไดอ่าน)

    เท่าที่ปีนกระไดอ่านได้ความว่า เป็นข้อเขียนทำนองนักคตินิยมประชาธิปไตย แต่ไปชมนายกฯ อภิสิทธิ์ เข้าเลยโดนความเห็นโจมตี
    กอปรกับเพราะเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำกลุ่มเสื้อแดง จึงเป็นการวิจารณ์การกระทำของแกนนำฯ ในความคิดของผู้เขียน ไม่ได้พูดถึง / วิจารณ์ทางฝ่ายรัฐบาล
    ถ้าจะให้เท่าเทียม ขอข้อเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำรัฐบาล หรือผู้นำการปราบปรามฯ ด้วยก็ดี (ขอภาษาไทย อ.ไม่สามารถค่ะ)

    ReplyDelete
  58. ชอบความเห็นของคุณ Viral Idea Thailand มากเลยค่ะ (ขอกด like ให้ร้อยหน)
    ดูเหมือนเราจะห่างไกลจากคุณธรรมออกไปทุกที ...

    ReplyDelete
  59. ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงคุณเพราะในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา หลายครั้งที่ผมโกรธ ผิดหวัง ฝันสลาย และหงุดหงิดใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งในช่วงเหตุการณ์อันเลวทรามที่ไม่อาจเข้าใจได้หากเพียงแค่นั่งเอนหลังดูข่าวจากต่างประเทศโดยไม่ได้สัมผัสมันด้วยตัวเองครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกสลดหดหู่เป็นอย่างยิ่ง นั่นคือเมื่อแกนนำนปช. คุณวีระ มุสิกพงศ์ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ และเล่าเรื่องความฝัน ความรันทด ความหวังที่ยังพอมีเหลือ ทั้งที่ไม่ควรจะมีอีกต่อไปของท่าน คุณวีระแสดงออกทางความคิดหลายๆสิ่งยกเว้นอยู่สิ่งเดียวคือการกล่าวขอโทษต่อผู้เสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างจริงใจ ทั้งยังมีคนที่พยายามอุปโลกคุณวีระให้เป็นนักอุดมคติผ่านบทความที่สนับสนุนให้คนหลับหูหลับตาฝันโดยไม่รับรู้ว่าตอนที่ยังไม่หลับนั้นเราสามารถทำอะไรดีๆให้ตัวเองและสังคมได้อีกเยอะ นักเขียนแห่งอุดมคติเหล่านี้อยู่สูงเกินกว่าจะเข้าใจได้ว่าช่องว่างทางสังคมที่ว่าห่างแล้ว ยังห่างน้อยกว่าช่องว่างระหว่างอุดมคติกับความเป็นจริง บทความดีๆที่แสนจะเป็นกลางที่ท่านท่านเขียนออกมามักถูกตัดทอนนำไปใช้ในทางที่เลวร้าย เพราะสังคมไทยนั้นเต็มไปด้วยนักฉกฉวยโอกาสที่ชอบใช้ช่องโหว่ของบทบัญญัติหรือบางส่วนของความคิดเห็นเพื่อนำมาถ่ายทอดให้กับมวลชนซึ่งมีความถนัดในการหลงเชื่อมากกว่าฉุกคิด ปลุกปั่นให้กระทำการใดๆตามที่ตนต้องการ หากท่านเขียนด้วยเจตนาดีมันจะเป็นผลร้าย หากท่านเขียนด้วยเจตนาร้ายผมขอแสดงความยินดี แต่อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าผู้เขียนคงจะได้รับโล่ห์อะไรสักอย่างจากกลุ่มผู้เสพติดอุดมการณ์ในเร็ววันนี้

    บทความทำนองนี้จะเป็นประโยชน์ได้หากประเทศไทยเต็มไปด้วยคนที่มีการศึกษา โดยคำว่า"คนที่มีการศึกษา"นั้น ผมไม่ได้หมายถึงคนที่จบปริญญาตรีโทเอกที่เดินขวักไขว่ชนกันอยู่ในย่านเศรษฐกิจสำคัญที่เพิ่งจะถูกเผาอย่างที่ใครๆเข้าใจกัน หากแต่เป็นคนที่ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เข้มแข็งในด้านศีลธรรมความดีงาม การศึกษาที่ส่งเสริมให้คนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล การศึกษาที่ส่งเสริมให้คนรู้จักค้นคว้าหาความรู้ที่จำเป็นเพื่อที่จะนำไปใช้ประกอบอาชีพอันสุจริต การศึกษาที่ส่งเสริมให้คนเคารพกฎหมาย ไม่ใช่แก้กฎหมายให้ตัวเองกลายเป็นคนถูก การศึกษาที่จะไม่สร้างคนประเภทที่ปากก็ตะโกนว่า นี่ประชาชนนะโว้ยแต่มือหนึ่งก็ขว้างระเบิดเพลิงโฮมเมดใส่ฝั่งทหาร ตัวอย่างของคนมีการศึกษาลักษณะนี้ที่พอจะนึกได้ก็คือผู้ที่ได้รับการยกให้เป็นปราชญ์เดินดินที่มีให้เราเห็นตามทีวีช่องที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไรของผู้ที่ไม่มีการศึกษา ถ้าเราเข้าใจตรงกันถึงคุณสมบัติสำคัญของคนที่มีการศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว จะพบได้ว่าประเทศเรานั้นเต็มไปด้วยคนที่ไม่มีการศึกษา ผมเองบางครั้งก็เป็นเหมือนคนไม่มีการศึกษา เพื่อนของผมเรียนเมืองนอก จบเมืองนอก ทำงานเมืองนอก หลายๆคนก็ไม่มีการศึกษา และพอเมื่ออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยชนชาติที่มีพื้นฐานทางความคิดต่างขั้วกับเรา ก็อาจถูกครอบงำให้มีความคิดแบบไม่มีการศึกษาได้ไม่ยากเย็น โดยเฉพาะคนที่มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง มองเห็นแต่ว่าตัวเองมาจากประเทศที่ด้อยพัฒนากว่าจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการที่จะปรับตัวให้คิดตรงกับผู้คนในประเทศผู้เต็มไปด้วยการพัฒนาเหล่านั้น

    ReplyDelete
  60. เราคนไทยควรรักกันนะครับ โดยเฉพาะในภาวะแบบนี้ที่จะต้องฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน คิดต่างได้แต่อย่าแตกแยกครับ ต้องเคารพความเห็นที่แตกต่างกันให้ได้ นั่นแหละครับถึงจะเป็นสยามเมืงอยิ้มที่แท้จริง เพลงชาติไทยเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่รวมความเป็นไทยของเราเอาไว้

    ReplyDelete