Friday, March 18, 2011

The Sinfonietta is One Year Old....







It was an incredible experiment — a bold journey into undiscovered territory — both for the kids and for their director.  The concept was simple enough: to find the brightest, most musical, most committed young musicians in Thailand, and to plunge them into total immersion.  The Sinfonietta kids were going to be fed to saturation on the classical style, a style which had not, up to now, been systematically taught in Thailand’s music schools.  They were not going to learn a movement here and a movement there, but were going to absorb entire repertories, and they were going to be asked to play in a radically new way — surrendering themselves completely to the passion, the drama, and the precisely articulated textures of the classical period.
It was tough.  There were casualties — a few very fine young musicians couldn’t take the heat and retreated to youth groups with a more easy-going schedule.  There was also harsh criticism.  But the ones who have been with us for this exciting first year of Si Si’s history have become a closely-knit family.  They know that they will be playing together for the rest of their lives.  Their grasp of the classical style has become instinct, the drama second nature.  
The Sinfonietta spent time on the road this year, playing twice in Korat and twice more in Hua Hin.  Members of the group played Bach in the market in Korat, an exremely moving event as it may well have been the first time this music was ever heard live in that location.  
They also played a wonderful concert to help raise money for the city of Bangkok after its recent troubles, the Together We Can concert ... and many events for kids, many of whom had never heard classical music before.  
And in a little while, the reality show and the line of CDs is going to be launched.  The sky is the limit for these remarkable young people.
****
My assistant, the incredible Mr. X., asked members of the Sinfonietta to comment about the first year and so I'm reprinting all the comments that came in ... this is in Thai, I'm afraid ....
****
Strings
เจ violin : เวลาที่ผ่านไปทำให้เห็นได้ชัดว่าเราสามารถมาได้ไกลขนาดไหน ความสามัคคี ความรัก ความผูกพันธ์ ที่เราร่วมกันใส่ลงไปในดนตรี ต้องบอกเลยว่าประทับใจกับวงนี้มากๆ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณอ.สมเถา กับ พี่พิซซ่ามากๆด้วยครับ ที่ชี้แนะพวกเราไปในทางที่ถูกต้อง
ทอป violin : ในเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมได้เล่นคอนเสิร์ตร่วมกับวงสยามซินฟอเนียตต้ามาหลายครั้ง และทุกๆครั้งที่เล่นผมจะรู้สึกว่าได้รับความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นจากอาจาร์ยสมเถา อาจาร์ยทฤษฎี หรือ เพื่อนๆและพี่ๆในวง
ผม รู้สึกว่าวงเราเป็นวงที่ทุกคนเข้าถึงกันได้ และอยู่กันอย่างเป็นกันเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมขอขอบคุณทุกๆคนในวงที่คอยให้ความช่วยเหลือที่ดีมาโดยตลอด
ซัน violin: วงนี้มีอะไรหลายอย่างที่วงอื่นไม่มี ประทับใจมากตั้งแต่เข้ามาซ้อมในครั้งแรก ทุกคนเข้ากันได้หมด เหมือนพี่เหมือนน้อง มีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นกับวงนี้ ผมขอขอบคุณอาจารย์ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์สมเถา พี่ซ่า แล้วก็พี่นาว ที่ช่วยสอนผมในหลายๆอย่างและได้ให้โอกาสผมได้เข้ามาเล่นในวงนี้ครับ  
แป้ง  violin : ก็ขอบคุณสำหรับโอกาสและประสบการณ์อะไรเยอะแยะเลยขอบคุณพี่ๆหลายๆคนที่คอยช่วยแป้งมาตลอดค่ะ 
แบงค์ Violin : ความประทับใจของวงSiSi มีความเป็นกันเองของนักดนตรีทุกๆคนรวมถึงอาจารย์สมเถา พี่พิซซ่า และพี่นาว ทุกคนเอาใจใส่พวกเรามากและมีความสนุกและความสุขตลอดเวลาที่ได้ไปเล่นวงนี้ ได้รับความรู้มากมายผมยอมเสียเวลา 3 ชั่วโมงในการซ้อมวงSi Si เพราะผมได้รับความรู้ประสบการณ์ที่หาจากวงอื่นไม่ได้
จูเนียร์ Viola : รู้สึกดีที่ได้อยู่วงนี้ เป้นวงที่ดีมากๆ ได้รับความรู้และความบันเทิงมากมาย จุฟๆ sisi
โพส viola : รู้สึกมีความสุขมากที่ได้มาร่วมเล่นกับวงนี้ วงนี้เหมือนพี่เหมือนน้อง ครอบครัว ขอบคุณอาจารย์สมเถาและอาจารย์ทฤษฎี ที่คอยสั่งสอน และอาจารย์พงศธร ที่คอยรักและห่วงใย คอยตักเตือน มาตลอดมากกว่า 1 ปี ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆทุกคนที่เล่นดนตรีด้วยกัน ฮาด้วยกัน ช่างมีความสุข
วิลลี่ cello : ของคุณอ.สมเถาที่ทำให้พวกเราทุกคนมาเจอกัน ขอบคุณอ.ที่ทำให้อนาคตของพวกเรามาได้ถึงขนาดนี้ ไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าผมจะไปได้ไกลขนาดไหน ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณของอ.
เอ็กซ์ cello: ขอบคุณ Siam Sinfonietta ที่สร้างสรรค์งานดนตรีที่เป็นดนตรีจริงๆ ขอบคุณอาจารย์สมเถา พี่นาว พี่พิซซ่า พี่จิง น้องเจ วิลลี่ ฟรุค บูม และเพื่อนๆ พี่ๆทุกคน ที่ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจในการเล่นดนตรีมากขึ้นกว่าเดิม ขอบคุณทุกกิจกรรมค่ายดนตรีที่มีมาอยู่บ่อยๆสนุกมากๆเลยครับผม ตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อวงและตัวเอง ขอบคุณสำหรับทุกโอกาสที่ได้ผ่านเข้ามาโดยมีทุกคนเป็นผู้หยิบยื่นให้ ขอให้ siam sinfonietta เป็นวงออเคสตร้าที่สร้างสรรค์เสียงดนตรีที่มีคุณภาพจริงต่อไป รักทุกคนใน siam sinfonietta
ฟรุค cello : ขอบคุณวงนี้มากๆ ขอบคุณอาจารย์สมเถา  ขอบคุณพี่นาวมากๆ ตั้งแต่สมัยก่อนผมเล่นเชลโล่ไม่ได้เรื่องเลย เล่นมานิดนึง ก็มาออดิชั่น ขอบคุณอาจารย์สมเถาที่ให้โอกาส ขอบคุณไมสโตร ทฤษฎีที่เลี้ยงข้าว ขอบคุณวิลลี่ที่ช่วยให้ผมมีกำลังใจจะพัฒนาฝีมือ ขอบคุณทุกๆ คนในวง Siam Sinfonietta วงนี้ทำให้ผมพัฒนามากๆ 1 ปีที่ผ่านมาทำให้ผมได้อะไรเยอะแยะเลยครับ
โอม cello : หนึ่งปีที่ผ่านมามันเยอะมาก มากไม่รู้จะเขียนลงไปยังไงดี =_=" รู้แต่ว่ามีความสุขมากๆ ที่อยู่วงนี้ ทุกครั้งที่ซ้อม ทุกครั้งที่ได้่เล่นดนตรีกับน้องๆพี่ๆเพื่อนๆ...จนแทบลืมไปเลยว่าแก่ขนาดไหน แล้ว 555+"
ปลื้ม cello : ประมับใจหลายอย่างเลยประทับใจอาจารย์ ว๊ากก!!เก่งมากเลย -0- จริงๆแล้วก็มีความสุขสุดๆได้อยู่ในวงนี้อบอุ่นดีเหมือนครอบครัวเดียวกันเลย คุยกันได้ทุกเรื่อง อยากอยู่วงนี้ไปนานๆๆ เลย ภูมิใจมากๆได้อยู่วงนี้ ขอบคุณอาจารย์ มากๆที่ทำให้ทุกคนมีความสุข จะตั้งใจซ้อมให้มากกว่านี้ครับ


Woodwind
ต้น Flute : เป็นการรวมตัวของวงออเคสตร้าที่ดีมาก ผมประทับใจมากที่ได้เล่นร่วมกับวงนี้ ได้ฝึกซ้อม ได้หัดสิ่งใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนที่เล่นดนตรีควรได้เล่นกัน และวงนี้ก็เล่นและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ภูมิใจที่ได้อยู่วงนี้ครับ
น้องโบ flute :  ''การที่เป็นสมาชิกวงSiam Sinfoniettaทำให้ได้ประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆมากมาย ขอขอบคุณอาจารย์สมเถาและพี่ทฤษฎี รวมถึงเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในวงสำหรับเรื่องราวดีๆที่มีต่อกัน''
นิค flute : 1 ปีที่ผ่านมา หลายๆคนรวมทั้งตัวผมเองก็(เชื่อว่า..)จะพัฒนาขึ้นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากความ ผิดพลาดของตัวผมเองและเพื่อนๆคนอื่น ได้เป็นกรณีศึกษามาเป็นความรู้ในการปรับใช้ในการเล่นรวมวงกับเพื่อนๆ ซึ่งสิ่งที่ได้คือประสบการณ์ที่ดีและทำให้เราได้พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น สำหรับตัวผมแล้วประสบการณ์ในการเล่นวงของผมยังถือว่ามีน้อยเมื่อเทียบกับ เพื่อนๆคนอื่นๆในวงเพราะโอกาสในการได้เข้าร่วมเล่นในวงออเครสตร้านั้นหาได้ ยาก นอกจากได้ไปร่วมเข้าค่ายดนตรีต่างๆและวงนี้เองเป็นวงที่ทำให้ผมได้ทั้งเรียน รู้และฝีกหัดการเล่นในวงออเครสตร้าอย่างจริงจังและได้แสดงความสามารถอย่าง เต็มที่ สิ่งที่ได้จากวงนี้นอกจากมิตรภาพที่ดีกับเพื่อนๆแล้ว ความรู้ในการเล่นวงที่อาจารย์และรุ่นพี่ได้ถ่ายทอดมานั้นเป็นสิ่งที่ได้ เรียนรู้จากการทดลองปฏิบัติจริง การศึกษาบทเพลง การทำงานร่วมกับผู้อื่น การยอมรับและเคารพซึ่งกันและกัน ฯลฯทั้งหมดนี้ทำให้ผมได้รับรู้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในการเล่นดนตรีออกมาให้ดี ได้ อย่างไรก็ตามผมก็ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม และผมเชื่อว่าวงนี้ จะเป็นวงที่สามารถผลิตนักดนตรีที่ดีและมีความรู้ความสามารถซึ่่งเป็นกำลัง หลักในหมู่นักดนตรีรุ่นต่อไปในอนาคตได้ ผมต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ พี่ๆทุกคน เพื่อนๆ ที่ยอมรับในตัวผม และให้โอกาสผมได้ขึ้นแสดงและผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง และจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ

Brass
โด้ French Horn : รู้สึกว่าได้ประโยชน์จากวงนี้มากมาย เช่น ประสบการณ์, ความรู้ความเข้าใจในบทเพลง, ได้มีสังคมด้านดนตรีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังรู้สึกสนุกที่จะได้เล่นดนตรีอีกด้วย
จิง French Horn : พี่ก็ประทับใจวงนี้มากๆอย่างแรกเลยก็คือทุกคนในวงเริ่มต้นจากความตั้งใจที่ มาร่วมเล่นร่วมซ้อมกันแบบมีวินัยนะดูเป็นมืออาชีพเวลาซ้อมเราก็ตั้งใจกัน จริงๆใช่มั้ยคือทุกคนอยากมาเล่น งานที่ออกมาทุกครั้งพี่ก็เลยรู้สึกดีทุกครั้งเวลาเราไม่ได้ซ้อมทุกคนก็เฮฮา เป็นกันเอง ทำให้พวกเราสนิทกันไงเลยยิ่งมีความสุขและยังได้ความรู้จาก อ.สมเถาและ พี่พิซซ่าอีกเยอะมาก
ผู้จัดการวง
พี่นาว Bass(ผู้จัดการวง) : ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกคนทำงานหนักและตั้งใจกันมามาก พี่เชื่อว่าน้องๆทุกคน "อยู่ได้" มิใช่ "ได้อยู่" เพราะกาลเวลาพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า คนที่"อยู่ไม่ได้" จะไม่ได้อยู่ ขอขอบคุณน้องๆทุกคนที่ร่วมงานกันมาใน1ปีนี้ และขออภัยหากพี่ต้องเหวี่ยง ต้องด่า ต้องประชด ต้องบังคับ ต้องบังคับใช้กฎอย่างเข้มงวดในบางครั้ง แต่ทุกอย่างพี่เชื่อว่าน้องๆเข้าใจว่า เรื่องที่พี่บังคับให้ทำ มันเป็นเรื่องที่ควรทำและเป็นเรื่องที่ผู้เจริญแล้วเขาทำกัน ในปีต่อๆไปอยากเห็นทุกคนรักกันให้มากขึ้น สุดท้ายนี้ขอบอกว่า พี่รักทุกคน รักอาจารย์ และพร้อมจะทำตามแนวความคิดของอาจารย์เพื่อให้ได้มายังจุดหมายที่ชัดเจนดัง ที่อาจารย์ต้องการ พยายามกันต่อไปนะครับ Siam Sinfonietta เราจะไม่มีคู่แข่งเพราะเราไม่ได้แข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเองเพื่อให้คนอื่นยอมรับ และเมื่อวันนั้นมาถึงทุกคนจะยอมรับเราโดยไม่มีข้อโต้แย่ง ขอให้ทุกๆคนสนุกกับการซ้อมและเล่นดนตรี ขอบคุณมากครับ

Tuesday, March 1, 2011

Thoughts About My Teachers

Started more than five weeks ago, on teacher's day....

Today is Teachers' Day in Thailand, when it is traditional for Thais to present their teachers with flower garlands and to thank them for handing on the gift of learning.  So one of the kids in the Sinfonietta told me today that I was the best teacher he ever had.  Which is probably true, not to boast or anything, because I do have two qualities that can make an inspiring teacher: (a) I know a lot (some would say "everything" but that would be a monstrous exaggeration) and (b) I love nothing more than to share what I know.

I received these two gifts from two teachers without whom I could never have achieved any of what I've done in my life, and today I would like to talk about these two people.

During my childhood, the person who did more than anyone else to make me who I am was a teacher named "Noonie".  Her real name was M.R. Smansnid Svasti.  And this is how it happened.

In the 1960s, I came back to Thailand from an early childhood spent in Europe, and after only a few days in a Thai school, I was kicked out for ripping the teacher's dress in a fit of pique.  It was really frustration not only about the language problem (I couldn't yet speak Thai) but also at the formulaic techniques of Thai education at the time.  So my parents sent me to a British school, the Bangkok PNEU, which at the time was operating without a license.  It was an attempt to create a British-system school in what was, at the time, the middle of nowhere, without a real curriculum and few textbooks ... and the school building was actually a rented private home, the house of film star Amara Asvanond.

Noonie was a member of the Thai aristocracy whose family had followed King Rama VII when he left Thailand for Britain after the political confusion of the 1930s.  She was a wild maverick; in a sense she was a "hippie" long before such existed.  In the 1960s she had just returned from England and was full of passion about many things.  (Later she would become known as an important environmental activist.)  She seemed to us to be quite mad, but her madness hid an exceptional grasp of the world's underlying realities.

Because there was no curriculum, we were allowed to study whatever was in the school storeroom.  There were 40 copies of Shakespeare's King John, so that was the first Shakespeare play we read in depth.  We ransacked the storeroom again and got Euripides.  I produced my first play, a mishmash of all three Greek tragedians' Electras, minus the depth but plus a barrel of gore -- no messengers relaying offstage violence for me!  Played the leading role, too, though I forgot my own lines.  Noonie was also a fine musician, at one point sightreading a string quartet I'd composed at the piano.

The most important thing I learned from her, however, was how to handle shit.

You see, in my play, many of the characters wore masks, which we made ourselves from papier-maché. The airmailed editions of European papers, on wafer-thin paper stock for cheap mailing, made great raw material. Noonie taught us to make clay face masks and to mould the papier-mâché to the clay.  However, the weather in Bangkok being what it is, the mass of wet paper soon started to rot and smell very bad.  I didn't want to get into the stinky mess and I demurred from helping to make those masks.

It was then that Noonie taught me one of the most important life lessons.  She said, "If you're going to create great art, it's not enough to have your head in the sky.  You also have to have your hands in the dirt."

And this is an important truth I try to live by every day.

Next time I will talk about the other teacher who changed my life, Michael Meredith at Eton.

Only when I am through with the "good things" will I address (and I have been requested to by many) the latest round of political tomfoolery that is threatening the beautiful house of cards that is this country....